พาเที่ยววัดโพธิ์ สัมผัสมรดกไทยที่ใครเห็นก็ต้องตะลึง

รูปโปรไฟล์ของผู้เขียน

โดย Earnnest

พาเที่ยววัดโพธิ์ สัมผัสมรดกไทยที่ใครเห็นก็ต้องตะลึง

ถ้าพูดถึงวัดสวยที่อยู่ใจกลางกรุงเทพฯ หนึ่งในชื่อวัดที่อยู่ในใจเพื่อน ๆ ก็คงจะเป็น วัดโพธิ์ หรือ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร อย่างแน่นอน! เพราะเป็นวัดเก่าแก่ใจกลางกรุงเทพฯ ที่อยู่คู่คนไทยมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา วันนี้เราจึงจะพาเพื่อน ๆ ไปเที่ยว วัดโพธิ์ กัน จะสายมู สายถ่ายรูป หรือสายตามรอยประวัติศาสตร์ก็ห้ามพลาด เพราะวัดโพธิ์มีครบทุกอย่างในที่เดียว ตามกันมาเลยค่ะ🤗

ประวัติวัดโพธิ์

วัดโพธิ์ หรือเรียกเต็ม ๆ ว่า วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร เป็นวัดเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา มีชื่อเดิมว่า วัดโพธาราม วัดแห่งนี้ถือเป็นวัดประจำรัชกาลของในหลวงรัชกาลที่ 1 เพราะท่านได้โปรดเกล้า ฯ ให้สถาปนาวัดแห่งนี้ขึ้นมาใหม่ในปี พ.ศ. 2331 เพื่อให้พระภิกษุสงฆ์ได้เล่าเรียนพระปริยัติธรรม โดยทรงบูรณะของเดิม และสร้างพระอุโบสถ พระระเบียง พระวิหารใหม่ จากนั้นพระราชทานนามว่า วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาวาส ซึ่งแปลว่า ที่อยู่อันงามของพระพุทธเจ้า ต่อมาในหลวงรัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯ ให้บูรณะวัดโพธิ์ใหม่ทั้งหมด และนำตำราวิชาการด้านต่าง ๆ มาจารึกไว้ตามศาลา ผนัง และเสาต่าง ๆ ทั่ววัด เพื่อเผยแพร่ความรู้แก่ประชาชน วัดโพธิ์จึงถือเป็น มหาวิทยาลัยแห่งแรกของไทย ต่อมาในหลวงรัชกาลที่ 4 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้แก้สร้อยนามพระอารามว่า วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร ซึ่งก็คือชื่อในปัจจุบันนั่นเองค่ะ

วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร หรือ วัดโพธิ์

จุดเช็คอินในวัดโพธิ์

1. พระวิหารพระพุทธไสยาส หรือ พระนอนวัดโพธิ์

พระพุทธไสยาส หรือ พระนอนในวัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์)

หนึ่งจุดไฮไลท์ที่ใคร ๆ ก็ต้องมาเช็คอินเมื่อมาถึงวัดโพธิ์ ก็คือ พระวิหารพระพุทธไสยาส หรือ พระนอนวัดโพธิ์ นั่นเองค่ะ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางไสยาส หรือ พระประจำคนเกิดวันอังคารที่มีขนาดยาวเป็นอันดับ 3 ของประเทศไทย โดยมีความยาวถึง 46 เมตรและสูง 15 เมตร ถูกสร้างขึ้นมาในสมัยรัชกาลที่ 3 ก่ออิฐถือปูนปิดทองทั้งองค์และมีลวดลายประดับมุกเป็นภาพมงคล 108 ประการที่ฝ่าพระบาททั้งสองข้าง ซึ่งถือเป็นหนึ่งในลักษณะพิเศษของมหาบุรุษตามคติความเชื่อแบบอินเดีย เชื่อกันว่าการมาไหว้พระนอนวัดโพธิ์จะทำให้ชีวิตราบรื่น ร่มเย็นเป็นสุข และมีโชคลาภ นอกจากนี้ก็ยังมีความเชื่อว่า หากสาวโสดวัยเลข 3 มาขอพรเรื่องความรักกับท่าน ก็จะได้เจอคนที่ใช่ในไม่ช้า

นอกจากนี้ ภายในวิหารยังมีจิตรกรรมฝาผนังที่แบ่งเป็น 6 ส่วน ถ่ายทอดเรื่องราวทางพุทธศาสนาให้นักท่องเที่ยวได้ศึกษาและซึมซับ

จิตรกรรมฝาผนังในพระวิหารพระพุทธไสยาส วัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์)

2. พระมหาเจดีย์สี่รัชกาล

พระมหาเจดีย์สี่รัชกาล วัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์)

อีกหนึ่งจุดที่ห้ามมาพลาดมาเช็คอินเลยก็คือ พระมหาเจดีย์สี่รัชกาล เดินถัดจากพระอุโบสถก็จะเจอพระมหาเจดีย์สี่รัชกาล เป็นเจดีย์ขนาดใหญ่ 4 องค์ ประกอบไปด้วย พระมหาเจดีย์ประจำรัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 4 เรียงรายอย่างสง่างามอยู่ภายในกำแพงแก้ว ส่วนองค์พระเจดีย์เป็นแบบย่อไม้สิบสอง ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบสวยงามสะดุดตา เป็นมุมยอดฮิตที่ไม่ว่านักท่องเที่ยวไทยหรือต่างชาติเดินผ่านไปผ่านมาก็อดไม่ได้ที่จะยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูป ไม่ว่าจะถ่ายมุมไหนก็ปังค่ะ เพราะองค์พระเจดีย์สวยงามจริง ๆ นอกจากนี้ก็ยังมีพระเจดีย์องค์อื่น ๆ ให้ชมอีกด้วยนะเพราะวัดโพธิ์ถือได้ว่าเป็นวัดที่มีพระเจดีย์มากที่สุดในประเทศไทย โดยมีจำนวนประมาณ 99 องค์เลยทีเดียว

3. พระระเบียงคดชั้นนอก-พระระเบียงคดชั้นใน

พระระเบียงคดชั้นนอก วัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์)
พระระเบียงคดชั้นใน วัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์)

อีกหนึ่งจุดที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ พระระเบียงคด นั่นเองค่ะ โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ชั้น คือ พระระเบียงคดชั้นนอก และ พระระเบียงคดชั้นใน ซึ่งล้อมรอบพระอุโบสถไว้อย่างสวยงาม พระระเบียงชั้นใน ประดิษฐานพระพุทธรูปจำนวน 150 องค์ ส่วน พระระเบียงชั้นนอก ประดิษฐานพระพุทธรูปจำนวน 244 องค์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพระพุทธรูปที่ในหลวงรัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญมาจากหัวเมืองฝ่ายเหนือ มีลักษณะศิลปกรรมแตกต่างกันตามยุคสมัย เช่น สุโขทัย เชียงแสน ลพบุรี อู่ทอง และ อยุธยา สองระเบียงนี้คือมรดกศิลป์ที่แสดงถึงฝีมือช่างไทยได้เป็นอย่างดี ใครต้องการความสงบ อยากมาพักใจก็มาที่มุมนี้ได้เลย หรือจะถ่ายรูปพระพุทธรูปที่เรียงรายเป็นแถวก็สวยนะ ให้ฟีลวินเทจและขลังไปอีกแบบ

4. ยักษ์วัดโพธิ์

ยักษ์วัดโพธิ์

เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินตำนาน ยักษ์วัดโพธิ์ คู่ปรับแห่งตำนานวัดแจ้งกันมาบ้าง ว่ากันว่าเดิมทียักษ์วัดโพธิ์และยักษ์วัดแจ้งเป็นเพื่อนรักกัน แต่มีปัญหาผิดใจกันเรื่องเงิน จึงเกิดการต่อสู้ปะทะกัน ด้วยความที่ยักษ์ทั้งสองตนมีรูปร่างใหญ่โตมหึมาและมีกำลังมหาศาล จึงทำให้ต้นไม้ในบริเวณนั้นถูกเหยียบย่ำจนล้มตายลงหมด และกลายเป็นพื้นที่โล่งเตียน ชาวบ้านจึงเรียกว่าท่าเตียนมาจนถึงทุกวันนี้

ปัจจุบันในวัดโพธิ์จะมียักษ์อยู่ 2 คู่ คือ มัยราพณ์กับแสงอาทิตย์ที่อยู่ตรงประตูทิศตะวันตกเฉียงใต้ และพญาขรกับสัทธาสูรอยู่ที่ประตูทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ใครผ่านไปผ่านมาก็อย่าลืมแวะมาถ่ายรูปกันนะคะ เพราะยักษ์วัดโพธิ์ไม่ได้เป็นเพียงตำนานที่น่าสนใจ แต่ยังเป็นงานประติมากรรมที่สวยงาม ละเอียดอ่อน และแสดงให้เห็นถึงฝีมืออันเชี่ยวชาญของช่างไทยโบราณอีกด้วย

5. นวดแผนไทยวัดโพธิ์

โรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์)

ใครกำลังหาพิกัดร้านนวดใกล้ฉันก็ต้องมาลองใช้บริการนวดแผนไทยที่โรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์) กันดูเลยนะคะ รับรองว่าจะได้นวดแบบต้นตำรับไทยโบราณเลยค่ะ ฟินสุด สายนวดต้องมาลองแล้ว!

วิธีเดินทางไปวัดโพธิ์

🚆รถไฟฟ้า MRT

ลงที่สถานี สถานีสนามไชย และใช้ประตูทางออกที่ 1 จากนั้นเดินไปประมาณ 450 เมตรก็จะถึงวัดโพธิ์แล้วค่ะ

⛴️เรือ

สามารถนั่งเรือด่วนเจ้าพระยาไปลงที่ท่าเตียน จากนั้นเดินต่อประมาณ 10 นาทีก็จะถึงวัดโพธิ์แล้วค่ะ แต่ถ้าใครไม่อยากเดินก็สามารถเรียกรถต่อไปได้นะ

🚍รถเมล์

สามารถนั่งรถประจำทางสาย 1, 3, 6, 9, 12, 25, 32, 44, 47, 48, 53, 82 หรือ รถประจำทางปรับอากาศ สาย ปอ.1, ปอ.พ. 4, ปอ.12, ปอ.44, ปอ.48, ปอ.507, ปอ.508 ไปลงแถววัดโพธิ์ได้เลย

🚘รถยนต์ส่วนตัว

สามารถขับรถไปจอดได้ที่ ถนนเชตุพน โดยมีค่าบริการจอดรถชั่วโมงละ 20 บาท

📍ที่ตั้งวัดโพธิ์: 2 ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200

📌พิกัดวัดโพธิ์: https://maps.app.goo.gl/wHxvPBBR1xA9SACRA

เวลาเปิด - ปิด และค่าเข้าชมวัดโพธิ์

เวลาเปิด - ปิดวัดโพธิ์: เปิดทุกวัน เวลา 08:30 - 19:30 น. 

ค่าเข้าชม: คนไทยสามารถเข้าชมวัดโพธิ์ได้ฟรี แต่ชาวต่างชาติจะต้องเสียค่าเข้าชมคนละ 300 บาท

เชื่อว่าอ่านมาถึงตรงนี้ หลาย ๆ คนคงประทับใจกับ วัดโพธิ์ ไม่น้อยเลย เพราะวัดโพธิ์ไม่ได้เป็นเพียงแค่สถานที่ไหว้พระ แต่ยังเป็นมรดกของไทยที่เต็มไปด้วยศิลปะ วัฒนธรรม และภูมิปัญญาไทย ใครที่ได้มาก็จะรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลา ได้พักใจ และได้เรียนรู้ไปกับมรดกไทยแห่งนี้

คำจำกัดความรับผิดชอบ: บทความนี้จัดทำโดยผู้ร่วมสร้างเนื้อหารายบุคคลหรือแพลตฟอร์มบุคคลที่สาม ในกรณีที่มีความผิดพลาดเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ โปรดติดต่อเราและเราจะลบเนื้อหาทันที